โยฮันน์ เดอเบอไรเนอร์ (Johann Wolfgang Dobereiner)
ในปี ค.ศ.1828 นักวิทยาศาสตร์คนแรกชื่อ โยฮันน์
โวล์ฟกัง เดอเบอไรเนอร์ ได้เสนอการจัดธาตุไว้เป็นกลุ่ม ๆ ละ 3 ธาตุ
ตามสมบัติที่คล้ายคลึงกันเรียกว่า ไตรแอดส์ หรือ ชุดสาม (Triads) โดยพบว่าธาตุกลางจะมีมวลอะตอมเป็นค่าเฉลี่ยของมวลอะตอมของอีก
2 ธาตุที่เหลือ เช่น กลุ่มธาตุ
Li Na K พบว่า
- Li มีมวลอะตอมเท่ากับ 7
- K มีมวลอะตอมเท่ากับ 39
- ดังนั้น Na
จึงมีมวลอะตอมเท่ากับ 23 (ค่ามวลเฉลี่ยระหว่าง Li และ K)
แต่เมื่อนำหลักของชุดสามไปใช้กับธาตุกลุ่มอื่นที่มีสมบัติคล้ายกัน
มวลอะตอมของธาตุกลางไม่ได้เป็นค่าเฉลี่ยของมวลอะตอมของอีก 2
ธาตุที่เหลือ หลักชุดสามของเดอเบอไรเนอร์จึงไม่เป็นที่ยอมรับในเวลาต่อมา
จอห์น นิวแลนด์ส (John Alexander Reina Newlands)
ในปี ค.ศ.1865 นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษชื่อ
จอห์น นิวแลนด์ส ได้เสนอการจัดเรียงธาตุตามมวลอะตอมที่เพิ่มขึ้น โดยจะพบว่าธาตุที่
8 มีสมบัติคล้ายธาตุที่ 1 (ไม่รวมธาตุไฮโดรเจนและแก๊สเฉื่อย)
เช่น ถ้าให้ธาตุ Li เป็นธาตุที่ 1 แล้ว
ธาตุ Na จะเป็นธาตุที่ 8 ซึ่งมีสมบัติคล้ายกับธาตุ
Li ดังตัวอย่างการจัดต่อไปนี้
Li Be B C N O F
Na Mg Al Si P S Cl
K Ca
Li Be B C N O F
Na Mg Al Si P S Cl
K Ca
นิวแลนด์สเป็นคนแรกที่ค้นพบว่าธาตุมีความคล้ายคลึงกันเป็นช่วง
ๆ เมื่อเรียงตามมวลอะตอมที่เพิ่มขึ้น ในเวลาต่อมาตารางธาตุของนิวแลนด์สไม่เป็นที่ยอมรับ เพราะว่า
- การจัดเรียงธาตุตามแนวคิดของนิวแลนด์ใช้ได้ถึงธาตุแคลเซียม
(Ca) เท่านั้น
- ไม่สามารถอธิบายได้ว่าเพราะเหตุใดมวลอะตอมจึงเกี่ยวข้องกับสมบัติที่คล้ายคลึงกันของธาตุ
- นำธาตุที่มีสมบัติต่างกันมาไว้ในแถวเดียวกัน โดยไม่เว้นที่ว่างไว้ให้กับธาตุที่ยังไม่ค้นพบ
- พยายามผลักดันธาตุให้อยู่ในกฎออกเตฟ (Octave) จึงทำให้เกิดความผิดพลาดขึ้น
ดมิทรี เมนเดเลเอฟ และ โลทาร์ ไมเออร์ (Mendeleev and Meyer)
ในปี
ค.ศ.1869 ดมิทรี เมนเดเลเอฟ (Dmitri Ivanovich Mendeleev)
นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซีย และ โลทาร์ ไมเออร์ (Julius Lothar Meyer) นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมันได้เสนอตารางธาตุโดยสังเกตเห็นว่า
ถ้าเรียงมวลอะตอมจากน้อยไปหามาก จะพบว่าธาตุมีสมบัติคล้ายคลึงกันเป็นช่วง ๆ
ซึ่งเมนเดเลเอฟได้ตั้งเป็นกฎพิริออดิก ก่อนที่ไมเออร์จะนำผลงานของเขาออกมาเผยแพร่ในเวลาต่อมา
อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นเกียรติแก่เมนเดเลเอฟจึงได้ตั้งชื่อตารางธาตุของเมนเดเลเอฟว่า
ตารางพิริออดิกของเมนเดเลเอฟ (Mendeleev's periodic table)
ตารางพิริออดิกของเมนเดเลเอฟ
เป็นการเรียงธาตุตามมวลเชิงอะตอมที่เพิ่มขึ้น
แล้วจัดธาตุที่มีสมบัติเคมีที่คล้ายคลึงกันไว้เป็นกลุ่มในลักษณะเดียวกันกับนิวแลนด์ส
แต่นักวิทยาศาสตร์ให้ความสำคัญกับตารางธาตุของเมนเดเลเอฟมากกว่า เพราะ
- จัดธาตุไว้เป็นหมู่เดียวกันบนพื้นฐานของธาตุที่มีสมบัติเคมีเหมือนกัน
โดยไม่ได้ผลักดันธาตุให้เข้าไปในกฎเกณฑ์ใด ๆ ตามที่กำหนดไว้
-
ยอมรับมวลอะตอมของธาตุที่ไม่มีใครเห็นด้วยในตารางพิริออดิกของเมนเดเลเอฟ
เช่น ธาตุเบริลเลียม (Be) อินเดียม (In) เพราะการจัดธาตุเหล่านี้ไว้ผิดหมู่ในตารางดังกล่าว
-
ปรับเปลี่ยนธาตุบางธาตุให้อยู่ในหมู่เดียวกัน
แม้ว่าจะไม่เป็นไปตามการเรียงลำดับมวลอะตอมของธาตุ เช่น นำธาตุเทลลูเรียม (Te) มาก่อนไอโอดีน (I)
-
เว้นที่ว่างไว้ในตารางธาตุของเขาสำหรับธาตุที่ยังไม่ค้นพบและสามารถทำนายได้อย่างถูกต้อง
และได้ตั้งชื่อธาตุโดยใช้คำว่า เอคา (Eka แปลว่า ใต้) นำหน้า เช่น เอคา-อะลูมิเนียม, เอคา-ไอโอดีน และเอคา-แฟรนเซียม
ตัวอย่างการทำนายธาตุของเมนเดเลเอฟ
|
|
เอคา-อะลูมิเนียม
ทำนายเมื่อปี ค.ศ.1871
|
แกลเลียม ค้นพบเมื่อปี ค.ศ. 1875
|
มวลอะตอมประมาณ : 58
ความหนาแน่น : 5.9
จุดหลอมเหลว : ต่ำ
สูตรออกไซด์ : Ea2O3
สูตรคลอไรด์ : EaCl3
|
มวลอะตอม : 69.72
ความหนาแน่น : 5.4
จุดหลอมเหลว : 30.15 oC
สูตรออกไซด์ : Ga2O3
สูตรคลอไรด์ : GaCl3
|
ในเวลาต่อมา
นักวิทยาศาสตร์ได้ยกย่องให้เมนเดเลเอฟเป็น “บิดาของตารางธาตุ”
เฮนรี โมสลีย์ (Henry Moseley)
ในปี ค.ศ.1913 เฮนรี โมสลีย์ นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ
ได้เสนอให้จัดเรียงธาตุตามเลขอะตอม เนื่องจากสมบัติต่าง ๆ
ของธาตุมีความสัมพันธ์กับประจุบวกในนิวเคลียสหรือเลขอะตอมมากกว่ามวลอะตอม
จึงมีการปรับปรุงตารางธาตุของเมนเดเลเอฟให้จัดเรียงธาตุตามลำดับของเลขอะตอมแทนมวลอะตอม
ซึ่งเป็นตารางธาตุที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
รูปที่ 6 Henry Moseley
เนื้อหาดีค่ะ
ตอบลบเนื้อหาดีและเข้าใจง่ายมากเลยค่ะ
ตอบลบเนื้อหาดีมากคะ
ตอบลบขอบคุนสำหรับข้อมูลดีๆค่ะ
ตอบลบ